ทำแบบฟอร์มที่สามารถเช็คความปลอดภัยของรหัสผ่านได้

http://www.codetukyang.com/php/scripts/chk_pass_strong.htm

ทำ Counter แบบแสดงข้อมูลผู้ออนไลน์และจำนวน good

http://www.codetukyang.com/php/scripts/counter_useronline_text.htm

ทำระบบตะกร้าสินค้าพร้อมรายงานคำสั่งซื้อ (ไว้พัฒนาต่อ)

http://www.codetukyang.com/php/scripts/cartsystem.htm

Script เก็บ Log คนที่เข้ามาดูไว้ใน TEXT FILE

http://www.codetukyang.com/php/scripts/visitlog.htm

ทำระบบสมาชิกแบบครบเครื่อง

http://www.codetukyang.com/php/scripts/membersystem.htm

ทำ AJAX CHATROOM ใน Web ของคุณ good

http://www.codetukyang.com/php/scripts/ajaxchat.htm

ทำ FORM ให้คนกรอกข้อมูล แล้วไปเก็บใน PHP DATABASE

http://www.codetukyang.com/php/scripts/form2php.htm

ทำ Flat Chat Version 2 บนเว็บของคุณ

http://www.codetukyang.com/php/scripts/flatchatv2.htm

ทำนาฬิการะบบ Analog แบบรูปภาพ อ้างอิงเวลาจาก Server

http://www.codetukyang.com/php/scripts/phpanalogclock.htm

แสดง IP ADDRESS ของผู้ชมบนหน้า Web ของเรา

http://www.codetukyang.com/php/scripts/showip.htm

ทำ User Online

ทำ User Online สามารถเช็คได้ว่ามีคน Online อยู่ที่หน้าไหนบ้าง


link : http://www.codetukyang.com/php/scripts/useron.htm

Code ป้องกันข้อมูลซ้ำ


วิธีใช้

ให้นำ code ไปใส่ ก่อน ที่จะมี การ Insert เพื่อให้ระบบไป ตรวจสอบก่อน ว่า ข้อมูลซ้ำ เปล่า

//*** ตรวจสอบข้อมูลซ้ำ
$sql="select * from addot where staff_id='$staff_id' and date='$date' and start_time='$start_time' ";
$result=mysql_query($sql);
if(mysql_num_rows($result)>0)
{
echo "

คุณ ",$username,"
คุณลงข้อมูลซ้ำ กรุณาลงใหม่
";
exit();
}
// จบตรวจสอบข้อมูลซ้ำ

$sql="insert into addot values ('$id','$staff_id','$type_id','$date','$start_time','$stop_time','$sum_time','$price','$add_date','$add_date','$note','$status')";
$result = mysql_query($sql);

?>

การ บวก ลบ คูณ ในคำสั่ง sql

การ บวก ลบ คูณ ในคำสั่ง sql

select price, num, (price*num) as total

หรือ

select price, num, (price*15) as total

การสร้างไฟล์ favicon.ico เป็น Logo เว็บในช่อง address bar


การสร้างไฟล์ favicon.ico เป็น Logo เว็บในช่อง address bar










การสร้างไฟล์ favicon.ico เป็นโลโก้เว็บในช่อง address bar












บทความ

เขียนโดย Host Admin http://www.colorpack.net/host-articles/cms-web-tip/favicon-address-bar.html





favicon โลโก้เว็บ



favicon.ico เป็นการแสดงสัญลักษณ์ของเว็บเราบน address barของ browser ดังรูปตัวอย่างนั้นมีวิธีการง่ายๆ โดยการเตรียมรูปที่เป็นไฟล์ .png .gif หากต้องการให้พื้นโปร่ง หรือหากไม่มีก็ใช้ไฟล์ .jpgก็ได้เช่นกัน ไฟล์ควรเป็นโลโก้ ไม่ควรมีรายละเอียดมาก เนื่องจากรูปที่ได้จะมีขนาดเล็กมาก แค่ 16x16 เท่านั้น?



จากนั้น ไปที่เว็บ http://tools.dynamicdrive.com/favicon/


Image to create icon



คลิ๊ก Browse.. เพื่อเลือกไฟล์โลโก้ที่เราเตรียมไว้ ขนาดไม่เกิน 150.00 kB จากนั้นคลิ๊ก Create Icon


Download favicon


รอสักพักเราก็จะได้ไฟล์ favicon.ico มาให้คลิ๊กที่ Download FavIcon


การนำไปใช้งาน







ใช้กับjoomla 1.5


การเปลี่ยนfavicon.ico ของจูมล่า1.5 จะถูกกำหนดที่แทมเพลต ที่เราใช้งาน โดยนำไฟล์ favicon.ico ไปวางไว้ในโฟลเดอร์ของแทมเพลตนั้นๆ เช่น หากเราใช้ templates ชื่อ ja_purity ให้นำไปไว้ที่ templates\ja_purity ทับไฟล์เดิมที่มีอยู่


หรือไปเพิ่มCodeด้านล่าง ลงไปใน ไฟล์ index.php ของแทมเพลตของคุณ




      <link xhref="/templates/ชื่อโฟลเดอร์ของแทมเพลตที่ใช้งาน/favicon.ico" rel="shortcut icon" type="image/x-icon" />



โดยวางไว้ก่อน ปิด


      </head>








ใช้กับjoomla 1.0x และ mambo


การเปลี่ยน favicon.ico ของ joomla1.0.x และ mambo


ให้นำไฟล์ favicon.ico ที่เราได้ โฟลเดอร์ /images โดยจะทับไฟล์เดิมที่มี




ใช้กับ Wordpress


เพิ่มCodeด้านล่าง ลงไปใน ไฟล์ header.php ของเว็บคุณของคุณ



      <link xhref="/wp-content/themes/ชื่อโฟลเดอร์ของแทมเพลตที่ใช้งาน/favicon.ico" rel="shortcut icon" type="image/x-icon" />



โดยวางไว้ก่อน ปิด


      </head>





ใช้กับ Html หรือ เว็บที่สร้างเอง



เพิ่มCodeด้านล่าง ลงไปใน ไฟล์ index ของเว็บคุณของคุณ


<html>


    <link rel="shortcut icon" xhref="/http://www.domainname.com/pic/pic.ico" />

   </html>






* การเปลี่ยนอาจใช้เวลานิดหหน่อยอาจจะติด แคชหรือ คุกกี้ ทำให้เห็นเป็นอันเดิม

Code ตรวจสอบเลขบัตรประชาชน

Code ตรวจสอบเลขบัตรประชาชน


มาดูวิธีเช็ค ว่า "เขามั่วรหัสประชาชนรึเปล่า?"

ขอเริ่มบทความแบบพิสดาร บ้างได้ไหมครับ ก่อนอ่านบทความต่อไป ผมขอนำเสนอ หมอดูที่ชื่อว่า "แม่นมั่กๆ"

รหัสประจำตัวประชาชน (ขอเรียกสั้นๆว่า รหัสประชาชน) ที่ เราจะมาตรวจกันวันนี้เป็นรหัสประชาชน ของคนไทยนะครับ

ก่อนอื่น ให้เพื่อนๆ หยิบบัตรประชาชนของเพื่อนๆ ขึ้นมาดูกันเลยครับ

รหัสประจำตัวของเราจะ อยู่ในรูป x-xxxx-xxxxx-xx-x (เลข 13 หลัก) ใช่มั้ยครับ แต่เพื่อนๆ รู้ป่ะว่า จริงๆแล้ว รหัส

ประจำตัวของเราเนี่ย จริงๆ แล้วมีแค่ 12 หลักเท่านั้น (12 หลักแรก) แต่เลขตัวสุดท้ายเนี่ย เป็น Check Digit ครับ

Check Digit คือ อะไรหนอ?

Check Digit เป็น ตัวเลข 1 หลัก ที่เกิดจากการนำเลขหลักอื่นๆ มา บวก ลบ คูณ หาร กัน และ Check Digit นี่หละ

ครับ จะช่วยให้เราตรวจสอบในเบื้องต้นได้ว่า ข้อมูลที่กรอกมาถูกต้องรึเปล่า

เวลาเราจะตรวจสอบว่า ข้อมูลที่กรอกมาถูกต้องรึเปล่า เราจะคำนวณ Check Digit จากเลขหลักอื่นๆ เพื่อเปรียบเทียบ

กับ Check Digit ที่เขากรอกมาว่าตรงกันมั้ย ถ้าตรงกันก็แสดงว่าข้อมูลถูกต้องไม่ผิด ไม่มั่ว แต่ถ้าไม่ตรงกัน ก็แปลว่า

ข้อมูลที่กรอกมามี ข้อมูลซักหลัก หรือ สองหลักที่ผิด เราก็สามารถเตือนให้ผู้ใช้ทราบและกรอกใหม่ อีกครั้งได้

เอ้า มาลองคำนวณ Check Digit ของรหัสประชาชนเรากันดีกว่า

ขอยกตัวอย่างรหัส ประชาชนนี้ละกันครับ

1-2015-41462-23-4

ไหน ตอบหน่อยซิ ว่า Check Digit ของรหัสประชาชนนี้คือเลขอะไรคร้าบ.......

เอ้า ถามเองตอบเองก็ได้ Check Digit ของรหัสประชาชนนี้ คือเลข 4 (เลขตัวสุดท้ายนั่นเอง)

เรามาดูกันว่า เลข 4 เกิดจากอะไรหว่า? คำนวณมาได้ไง? มั่วอ๊ะเปล่า?

ขั้นตอนที่ 1 - เอาเลข 12 หลักมา เขียนแยกหลักกันก่อน (หลักที่ 13 ไม่ต้องเอามานะ คร้าบ)

ขั้นตอนที่ 2 - เอาเลข 12 หลักนั้นมา คูณเข้ากับเลขประจำหลักของมัน

ขั้นตอนที่ 3 - เอาผลคูณทั้ง 12 ตัวมา บวกกันทั้งหมด จะได้

13+24+0+10+45+32+7+24+30+8+6+6=205

ขั้นตอนที่ 4 - เอาเลขที่ได้จากขั้นตอนที่ 3 มา mod 11 (หารเอาเศษ) จะได้ 205 mod 11 = 7

ขั้นตอนที่ 5 - เอา 11 ตั้ง ลบออกด้วย เลขที่ได้จากขั้นตอนที่ 4 จะได้ 11-7 = 4 (เราจะ ได้ 4 เป็นเลขในหลัก

Check Digit)

ถ้าเกิด ลบแล้วได้ออกมาเป็นเลข 2 หลัก ให้เอาเลขในหลักหน่วยมาเป็น Check Digit (เช่น 11 ให้ เอา 1 มา,

10 ให้เอา 0 มา เป็นต้น)

โอ้โห....มหัศจรรย์มาก ยอดเยี่ยมกระเทียมดอง เลขที่ได้ตรงกับเลขหลักที่ 13 ด้วยแหละ...ถ้าไม่ เชื่อก็เอาเลขบัตร

ประชาชนตัวเองมาคำนวณดู สิครับ

1 2 0 1 5 4 1 4 6 2 2 3

รหัสบัตร 1 2 0 1 5 4 1 4 6 2 2 3

ตัวคูณ 13 12 11 10 9 8 7 6 5 4 3 2

ผลคูณ 13 24 0 10 45 32 7 24 30 8 6 6

ผมคิดว่าหลายๆ คนคงมีคำถามในใจแล้วหละว่า ทำไมต้องเอามาคูณ 13 ทำไมต้องเอามา บวกกัน ทำไมต้องเอามา

mod 11 คำตอบที่ ผมให้ได้ก็คือ มันคือวิธีที่ถูกเลือกใช้ในการคำนวณ Check Digit ให้ กับรหัสประชาชนครับ แต่ถ้าเรา

จะคำนวณ Check Digit ให้กับรหัสสินค้า หรือ ISBN ของ หนังสือ เราก็ต้องใช้วิธีการคำนวณ ที่แตกต่างกันออกไป

ครับ

ในเมื่อรู้วิธีแล้ว เรามาเขียนโปรแกรมตรวจสอบกันดีกว่า

ผมเขียนไว้ให้หลายภาษา เหมือนกัน ให้เพื่อนๆ เลือกใช้ได้ตามสะดวกนะครับ

เวอร์ชัน php

function checkID($id) {

if(strlen($id) != 13) return false;

for($i=0, $sum=0; $i<12;$i++)

$sum += (int)($id{$i})*(13-$i);

if((11-($sum%11))%10 == (int)($id{12}))

return true;

return false;

}

?>

รหัสประจำตัวประชาชน :

ตรวจสอบ" />

if(isset($_GET['txtID'])) {

if(checkID($_GET['txtID']))

echo "รหัสถูก ต้องครับ";

else

echo "รหัสที่คุณ กรอกไม่ถูกต้องค"; รับ

}

?>

เวอร์ชัน JavaScript

รหัสประจำตัวประชาชน :

ตรวจสอบ" />

เวอร์ชั่น ASP 3

<%

Function checkID(id)

checkID = False

If Len(id) = 13 Then

Dim i, sum

For i = 1 To 12

sum = sum + CInt(Mid(id, i, 1))*(14-i)

Next

If (11-(sum Mod 11)) Mod 10 = CInt(Mid(id, i, 13)) Then

checkID = True

End If

End If

End Function

%>

รหัสประจำตัวประชาชน :

ตรวจสอบ" />

<%

If Request("txtID") <> "" Then

If checkID(Request("txtID")) Then

Response.Write "รหัส ถูกต้องครับ"

Else

Response.Write "รหัส ที่คุณกรอกไม่ถูกต้องครับ"

End If

End If

%>

จริงๆ แล้วถ้าเพื่อนๆ จะเอาไปใช้จริง ก็ Copy ไปเฉพาะ ฟังก์ชัน CheckID ก็ได้ครับ โดยพารามิเตอร์ตัวแรกของ

CheckID ทั้ง 3 ภาษานี้คือ ข้อความที่เก็บรหัสประจำตัวประชาชนไว้ครับ ฟังก์ชันนี้จะคืนค่าเป็น True ถ้ารหัสถูกต้อง

และคืนค่าเป็น False ถ้ารหัสผิดครับ

สรุป

เราได้เรียนรู้วิธีการ ตรวจสอบเบื้องต้น (ข้อย้ำว่าเบื้อง ต้น) เพราะรหัสประชาชนที่ผู้ใช้กรอก อาจมี Check Digit ที่ถูก

ต้อง แต่อาจเป็นรหัสประชาชนที่ไม่มีอยู่จริงก็ได้นะครับ

ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.don99.com

หลักการในการคำนวนเลขบัตรประจำตัวประชาชน

หลักการในการคำนวนเลขบัตรประจำตัวประชาชน

คุึณเคยลองสังเกตดูไหมว่าทำไมในการกรอกเลขประำตัวประชาชน นั้นบางเว็บมันถึงได้รู้ว่าอันไหนของจริงอัน
ไหนของปลอม มันมีฐานข้อมูลของคนทั้งประเทศอยู่หรือ! ไม่ใช่หรอกครับเว็บเขาแค ่มีการคำนวนเท่านั้นเอง
ส่วนหลักการคำนวนนั้นไม่ได้ซับซ้อนเลยมาูดูุเองดีกว่า

1111111111119
อันนี้ก็เป็นของจริง (ของใครก็ไม่รู้)ตัวเลข12ตัวแรกจะบอกถึงภูมิลำเนาของเจ้าของว่าอยู่ไหนเป็น คน
จังหวัดอะไรอย่างนั้นส่วนตัวเลขตัวที่ 13 นั้นจะเป็นตัว Check ว่ารหัสนั้นเป็นของจริงหรือ เปล่า เราลองมาดูการ
คำนวนกันดีกว่า

1.มั่วตัวเลข 12 ตัวขึ้นมาแล้วแยกหลักซะ
1 2 1 3 1 4 1 5 1 6 1 7

2.คูณเข้าไปด้วยค่าประจำหลักของตัวเลขนั้นๆ (ตัวเลข 13-2 ที่ใช้คูณเป็นค่าคงที่)
(1x13) (2x12) (1x11) (3x10) (1x9) (4x8) (1x7) (5x6) (1x5) (6x4) (1x3) (7x2)

3.จะได้ตัวเลขต่อไปนี้
13 24 11 30 9 32 7 30 5 24 3 14

4.เอาตัวเลขมาบวกกันทั้งหมด
13+24+11+30+9+32+7+30+5+24+3+14= 202

5.เอาตัวเลขที่หามาได้หารด้วย11 แล้วเอาเศษมันมา
202/11 = 4

6.ต่อมาก็ให้เอาเศษที่เราหามาได้นั้นไปลบกับ 11
11-4 = 7

7.ตัวเลขที่ออกมาก็คือ
1213141516177

ความหมายของ รหัสบัตรประชาชน เลขบัตรประชาชน


เลขบัตรประชาชน 13 หลัก ของแต่ละคนนั้น แต่ละหลักจะมีที่มาและบ่งบอกสถานะของแต่ละคนไว้ ดังนี้
หลักที่ 1
ถ้าเป็นเลข 1 หมายถึงคนคนนั้น ตอนที่เกิดได้มีการแจ้งเกิดภายใน 15 วัน
ถ้าเป็นเลข 2 หมายถึงแจ้งเกิด หลังจาก 15 วันแล้ว
ถ้าเป็นเลข 3 คือคนไทยและคนต่างด้าว ที่มีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน
ในสมัยเริ่มแรก (คือตั้งแต่ก่อนวันที่ 31 พฤษภาคม 2527)
ถ้าเป็นเลข 4 คือคนไทยและคนต่างด้าว ที่มีใบสำคัญคนต่างด้าวแต่แจ้งย้ายเข้า
โดยยังไม่มีเลขประจำตัวประชาชน ในสมัยเริ่มแรก หมายความว่า คนไทยหรือคนต่างด้าว ที่มีใบสำคัญคนต่างด้าว
ถ้าเป็นเลข 5 คือคนไทยที่ได้รับอนุมัติให้เพิ่มชื่อ เข้าไปในทะเบียนบ้านในกรณีตกสำรวจ หรือกรณีอื่นๆ
ถ้าเป็นเลข 6 คือ ผู้ที่เข้าเมืองโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และผู้ที่เข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่อยู่ในลักษณะชั่วคราว
ถ้าเป็นเลข 7 คือ บุตรของบุคคลประเภทที่ 6 ซึ่งเกิดในประเทศไทย
ถ้าเป็นเลข 8 คือ คนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยถูกต้องตามกฎหมาย คือ ผู้ที่ได้รับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว
หรือคนที่ได้รับการแปลงสัญชาติเป็นสัญชาติไทย และคนที่ได้รับการให้สัญชาติไทย ตั้งแต่หลังวันที่ 31 พฤษภาคม 2527
หลักที่ 2-5
คือ รหัสของสำนักทะเบียน หรืออำเภอที่เรามีชื่ออยู่ในทะเบียนขณะที่ให้เลข ซึ่งก็หมายถึงถิ่นที่อยู่ของเรานั่นเอง
หลักที่ 6-10
จะหมายถึง กลุ่มที่ของบุคคลแต่ละประเภท ตามหลักแรก (หลักที่ 1) ซึ่งทางสำนักทะเบียนในแต่ละแห่ง ก็จะจัดกลุ่มเรียงไปตามลำดับ
หลักที่ 11-12
จะหมายถึง ลำดับที่ของบุคคลในแต่ละกลุ่มประเภท เป็นการจัดลำดับว่าเราเป็นคนที่เท่าไรในกลุ่มของบุคคลประเภทนั้นๆ
หลักที่ 13
จะหมายถึง ตัวเลขสำหรับตรวจสอบความถูกต้องของเลขทั้ง 12 หลักแรกอีกที

random ID



เลขบัตรประชาชน